~* ความจริงในบทกลอน *~
คนข้างกายชอบเดินเข้ามาถาม
ทำไมตามพร่ำแต่งบทกลอนเหงา
ทั้งฉันใช่เดียวดายอยู่กับเงา
ยังมีรักรุมเร้าอยู่มากมาย
ยิ้มก็เห็นยิ้มกันอยู่อย่างมีสุข
ไยรำพันคำทุกข์น่าใจหาย
เหมือนกล้ำกลืนมันอยู่ไม่วางวาย
เหมือนร่างกายเจ็บปวดเกินจะทน
ฉันได้แต่นิ่งรับคำพูดนั้น
ต้องทนปั้นหน้ายิ้มเหมือนไม่สน
แต่ความคิดภายในใจยังวกวน
เหมือนมีคนทิ่มเข็มลงกลางใจ
เมื่อนั่งอยู่คนเดียวมานิ่งนึก
ความรู้สึกแท้จริงเป็นแบบไหน
คำถามเขาวกเวียนวนปนข้างใน
นึกนึกไปหาคำตอบปลอบตัวเอง
ใจยังเหงาแม้คนเก่าอยู่รายรอบ
ยังคอยมอบเงียบในจิตคิดข่มเหง
คนมากมายรอบกายคล้ายวังเวง
ยังละเลงกลอนบทเศร้าเย้ากายา
ทำไมตามพร่ำแต่งบทกลอนเหงา
ทั้งฉันใช่เดียวดายอยู่กับเงา
ยังมีรักรุมเร้าอยู่มากมาย
ยิ้มก็เห็นยิ้มกันอยู่อย่างมีสุข
ไยรำพันคำทุกข์น่าใจหาย
เหมือนกล้ำกลืนมันอยู่ไม่วางวาย
เหมือนร่างกายเจ็บปวดเกินจะทน
ฉันได้แต่นิ่งรับคำพูดนั้น
ต้องทนปั้นหน้ายิ้มเหมือนไม่สน
แต่ความคิดภายในใจยังวกวน
เหมือนมีคนทิ่มเข็มลงกลางใจ
เมื่อนั่งอยู่คนเดียวมานิ่งนึก
ความรู้สึกแท้จริงเป็นแบบไหน
คำถามเขาวกเวียนวนปนข้างใน
นึกนึกไปหาคำตอบปลอบตัวเอง
ใจยังเหงาแม้คนเก่าอยู่รายรอบ
ยังคอยมอบเงียบในจิตคิดข่มเหง
คนมากมายรอบกายคล้ายวังเวง
ยังละเลงกลอนบทเศร้าเย้ากายา
บทกลอนคือความจริงที่พาลพบ
เล่าความเหงาเร้าประสบมิเรียกหา
เล่าความหมายของหยาดหยดแห่งน้ำตา
เล่าอีกด้านของชีวาว่าแปลกจริง
ทำเข้มแข็งฝืนยิ้มมันอยู่ได้
ทั้งที่ใจร่ำไห้ไม่หยุดนิ่ง
เพียรเขียนกลอนบทเหงาเร้าประวิง
ทำเย่อหยิ่งแท้ที่จริง"หญิงอ่อนแอ"
Design with love"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น